Carbon Ratings: ตัวช่วยการลงทุนที่ใส่ใจภูมิอากาศ
ปัจจุบัน ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน นอกจากที่จะให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) ของกิจการในกระบวนการพิจารณาตัดสินใจลงทุนแล้ว ยังมีความต้องการใช้ข้อมูลด้านภูมิอากาศที่กิจการมีการดำเนินการ อาทิ ข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับกิจการ ฯลฯ สำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย
จากรายงานผลสำรวจ EY 2024 Institutional Investor Survey ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 11 ได้รวบรวมมุมมองของผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า ผู้ลงทุนกว่า 55% เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 2 ปีข้างหน้า และ 62% ระบุว่า ได้เตรียมความพร้อมในการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศของบริษัทที่เข้าลงทุนไว้แล้ว
ทั้งนี้ หน่วยงานผู้จัดทำมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการรายงานทางการเงิน (IFRS) ได้ออกมาตรฐานการรายงานทางการเงินเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ฉบับที่ 1 เรื่อง ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน (IFRS S1) และฉบับที่ 2 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (IFRS S2) ซึ่งในหลายประเทศได้รับเอามาตรฐานทั้งสองฉบับดังกล่าวไปบังคับใช้แล้ว
ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังอยู่ระหว่างจัดทำหลักการแนวทางการยกระดับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของไทย โดยกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตาม IFRS S1 และ S2 ด้วยวิธีการนำไปใช้เป็นลำดับและสัดส่วน พร้อมมาตรการผ่อนปรนช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้สอดรับกับบริบทของประเทศไทย รวมถึงความพร้อมของภาคเอกชน โดยคาดว่าจะเริ่มจากบริษัทในกลุ่ม SET50 ก่อน
ในฝั่งของผู้ประกอบการ นอกจากที่บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลด้านภูมิอากาศตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวในอนาคตอันใกล้แล้ว ในฝั่งของผู้ลงทุน ความต้องการข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืนต่อการประเมินความเสี่ยงและโอกาสของบริษัท รวมถึงข้อมูลการเปรียบเทียบสมรรถนะการดำเนินงานด้านภูมิอากาศที่เกี่ยวโยงกับตัวเลขทางการเงินของกลุ่มบริษัทเป้าหมายที่จะลงทุน จึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
เป็นเหตุให้การพัฒนาข้อมูลบัญชีคาร์บอนของภาคธุรกิจ เพื่อการจัดระดับบริษัทจดทะเบียนด้านความสามารถทางภูมิอากาศ สำหรับผู้ลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ควบคู่กับข้อมูลทางการเงิน ให้สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน และผลักดันการกำกับดูแลกิจการด้านภูมิอากาศไปพร้อมกัน ได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับการลงทุนที่ใส่ใจภูมิอากาศ
จากการสำรวจของ UN PRI กับภาคีสมาชิกจำนวน 3,048 แห่ง ที่เปิดเผยในรายงาน Global responsible investment trends 2025: inside PRI reporting data พบว่า 4 ใน 5 ขององค์กรภาคีสมาชิกซึ่งมีทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) รวมกันราว 82.7 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ มีการระบุถึงความเสี่ยงและโอกาสเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเพื่อการตัดสินใจลงทุน
สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะผู้บุกเบิกการพัฒนาฐานข้อมูลความยั่งยืนของธุรกิจ และเป็นผู้ริเริ่มการจัดระดับ ESG Rating ขึ้นในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และดำเนินเรื่อยมาเป็นปีที่ 11 ในปัจจุบัน ได้จัดตั้งหน่วยงาน Carbon Ratings เพื่อขยายผลมาสู่การประเมินข้อมูลบัญชีคาร์บอนของภาคธุรกิจที่เชื่อมโยงกับตัวเลขทางการเงิน ในรูปแบบของ Carbon Equity Ratings (CER) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
การจัดระดับคาร์บอน (Carbon Ratings) เป็นการประเมินขีดความสามารถทางภูมิอากาศระดับองค์กร โดยใช้ข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจกที่กิจการเปิดเผย (Corporate Emission Profile) ซึ่งครอบคลุมข้อมูลมลอากาศทางตรง (Direct Emissions) จากการดำเนินงานในขอบข่ายที่ 1 (Scope 1) และข้อมูลมลอากาศทางอ้อม (Indirect Emissions) จากการใช้พลังงานในขอบข่ายที่ 2 (Scope 2) และข้อมูลมลอากาศทางอ้อมอื่น ๆ ในขอบข่ายที่ 3 (Scope 3) จากกิจกรรมที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่คุณค่า
โดยตัวชี้วัดหลักที่ใช้ในการประเมิน เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของกิจการ ประกอบด้วย
ตัวชี้วัดในมุมมอง ‘ดีต่อโลก’ ได้แก่ ปริมาณการปล่อยคาร์บอนต่อมูลค่ากิจการรวมเงินสด (Carbon Intensity) มีหน่วยเป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อล้านบาท
ตัวชี้วัดในมุมมอง ‘ดีต่อกิจการ’ ได้แก่ อัตราส่วนกำไรต่อปริมาณการปล่อยคาร์บอน (Earnings per tCO2e) มีหน่วยเป็นบาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ตัวชี้วัดในมุมมอง ‘ดีต่อผู้ลงทุน’ ได้แก่ อัตราผลตอบแทนต่อปริมาณการปล่อยคาร์บอน (Return per tCO2e) มีหน่วยเป็นบาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
การประเมิน Carbon Ratings ถือเป็นมิติใหม่ของการเผยแพร่ข้อมูลประเมินด้านภูมิอากาศ ที่นอกจากจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระดับการเปิดเผยข้อมูลบัญชีคาร์บอนของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิอากาศของบริษัทจดทะเบียนให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มโอกาสการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจากกลุ่มผู้ลงทุนที่ใช้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุน พร้อมกับการสร้างผลกระทบทางภูมิอากาศในเชิงบวก
ปัจจุบัน ได้มีการคัดกรองหลักทรัพย์จากจำนวนทั้งหมด 457 หลักทรัพย์จดทะเบียนซึ่งมีตัวเลขความเข้มข้นของคาร์บอน (Carbon Intensity) ที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ เพื่อใช้สร้างกลุ่มหลักทรัพย์อ้างอิง Low Emission Securities (LES) สำหรับให้ผู้ลงทุนได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนเพิ่มเติมจากข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลทางการเงินของกิจการ โดยจะเริ่มทยอยเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ https://carbonratings.org เป็นลำดับต่อไป
[Original Link]