Posts

ข่าวประชาสัมพันธ์

Image
ปีก่อนหน้า      ปีปัจจุบัน สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะ Certified Training Partner ของ GRI ในประเทศไทย จะจัดอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพด้านความยั่งยืน ในรายวิชาการรายงานข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชนตามมาตรฐาน GRI " Reporting on Human Rights with GRI Standards " (ระยะเวลาครึ่งวัน) ในรูปแบบออนไลน์ ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 13:00-16:30 น. ( ข้อมูลเพิ่มเติม )   ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประเทศไทยกำลังเผชิญทางแยกเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญในยุคปัญญาประดิษฐ์ โดยมีความเสี่ยงสูงที่จะติดกับดักการเป็นเพียง ‘ผู้บริโภค’ เทคโนโลยี (AI Consumer) ซึ่งจะส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ประเทศต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการใช้ AI เป็นผลิตภัณฑ์ ไปสู่การใช้ AI เป็น ‘ทรัพยากร’ (AI as a Resource) เพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ( อ่านต่อ ) • เอกสารนำเสนอ ‘Rebalancing Strategy Towards Economic Sustainability’   สถาบันไทยพัฒน์ มอบประกาศนียบัตร ESG Emerging Company แก่บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (OKJ) ในฐานะบริษัทที่มีการดำเนินงานโ...

โอ้กะจู๋ (OKJ) ติดโผหุ้นกลุ่ม ESG Emerging ปี 68

Image
18 มิถุนายน 2568 – บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (OKJ) ผู้ให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เข้าอยู่ในกลุ่มบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน หรือ ESG Emerging List ปี 2568 สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (OKJ) เป็นหนึ่งในรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2568 ด้วยการคัดเลือกจาก 921 หลักทรัพย์จดทะเบียน โดยใช้ข้อมูลด้าน ESG ที่ปรากฏในการเปิดเผยข้อมูล การดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG และความริเริ่มหรือลักษณะธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับประเด็นด้าน ESG ของกิจการ นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล (คนขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) (OKJ) รับมอบประกาศนียบัตร ESG Emerging Company ปี 2568 จากนายพิพัฒน์ ยอดพฤติการ (คนซ้าย) ประธานสถาบันไทยพัฒน์ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) อาคาร The Rice เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร นายชลา...

แปลงความยั่งยืนจาก Compliance เป็น Competence

Image
จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน ที่มีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจรุมเร้า ทั้งจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และความไม่สงบในตะวันออกกลางที่กำลังส่อเค้าปะทุบานปลาย ธนาคารโลกได้คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลงเหลือ 2.3% และของประเทศไทยที่ถูกปรับลดเหลือ 1.8% ในปี 2568 ทำให้กิจการที่ต้องทำเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance) ตามข้อกำหนด ต่างดิ้นรนหาทางจำกัดการดำเนินงานให้มีภาระน้อยสุด หรือไม่ก็ต้องใช้ประเด็นด้าน ESG ในแง่ของการเพิ่มสมรรถนะการปฏิบัติงาน (Competence) เพื่อลดค่าใช้จ่าย หรือที่ดีสุดคือ ใช้สร้างให้เกิดเป็นรายได้ของกิจการ แม้การเริ่มต้นของฝ่ายความยั่งยืน หรือหน่วยงาน ESG ในกิจการโดยส่วนใหญ่ จะมีที่มาจากการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงทุน และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ในแง่ของการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ (Compliance) ด้วยปัจจัยลบทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้ฝ่ายความยั่งยืน จำต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจากการมุ่งเน้นงานแบบรายโครงการ โดยมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำเนินงาน และมีตัวชี้วัดแยกต่างหาก มาสู่การผลักดันให้มีการผนวกเรื่องความยั่งยืนไว้ในสายงานต่าง ๆ โ...

ก้าวสู่ปีที่ 11 กับการประมวลทำเนียบหุ้น ESG100

Image
นับตั้งแต่ที่สถาบันไทยพัฒน์บุกเบิกการพัฒนาฐานข้อมูลความยั่งยืนของธุรกิจ และเป็นผู้ริเริ่มการประเมินข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของบริษัทจดทะเบียนในปี ค.ศ. 2015 ได้ทำการประมวลรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่า กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ซึ่งถือเป็นการจัดระดับหลักทรัพย์ด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจครั้งแรกในประเทศไทย หน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ได้ดำเนินการประเมินข้อมูลด้านความยั่งยืนของหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 11 ในปีนี้ ด้วยการคัดเลือกจาก 567 หลักทรัพย์ในปีแรก เพิ่มจำนวนมาเป็น 921 หลักทรัพย์ในปีนี้ โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,056 จุดข้อมูล ตามที่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เผยแพร่ไว้ต่อสาธารณะ โดยไม่ใช้แบบสำรวจข้อมูลหรือแบบสอบถามใด ๆ เพิ่มเติม นับตั้งแต่ปีแรกเริ่มที่ดำเนินการจวบจนในปัจจุบัน โดยประโยชน์ที่บริษัทได้รับจากการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ประการแรก ได้แก่ การที่บริษัทจะได้รับทราบสถานะการดำเนินงานด้าน ESG ในปัจจุบ...

จีนกับทางเลือกในกระดานเศรษฐกิจโลก (1)

Image
ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ในเรื่องภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) รอบแรก ที่ได้ข้อสรุปร่วมกันว่าสหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจากอัตราปัจจุบัน 145% เหลือ 30% และจีนจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10% เป็นเวลา 90 วัน ได้ทำให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลกคลี่คลายลงเป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรที่รับประกันว่า การเจรจาในรอบต่อไปของทั้งสองประเทศ ภายในห้วงเวลา 90 วันนี้ จะนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงถาวรร่วมกัน เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความไม่ลงตัวในผลประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายจะได้รับ สหรัฐฯ ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า การนำนโยบายภาษีต่างตอบแทนมาใช้กีบจีนและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อต้องการลดตัวเลขขาดดุลทางการค้า 1.2 ล้านล้านเหรียญ (ตัวเลขปี ค.ศ. 2024) ตามมาด้วยนโยบายเพิ่มการลงทุนในประเทศด้วยการดึงอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ให้กลับมาตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ (Reshoring) นับจนถึงปัจจุบัน (15 พ.ค.) ตัวเลขยอดการลงทุนที่สหรัฐฯ ได้รับคำมั่นจากภาคเอกชนในประเทศต่าง ๆ มีจำนวนรวมแล้วกว่า 10 ล้านล้านเหรียญ กระนั้นก็ตาม ยอดการลงทุ...